ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาผ้าปูเตียงแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ บทความนี้จะวิเคราะห์แหล่งที่มาของผ้าปูเตียงเสียหายจากสี่ประเด็น ได้แก่ อายุการใช้งานตามธรรมชาติของผ้าปูเตียง โรงแรม กระบวนการขนส่ง และกระบวนการซักรีด แล้วค้นหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมตามประเด็นเหล่านี้
บริการธรรมชาติของผ้าลินิน
ผ้าปูที่นอนที่โรงแรมใช้มีอายุการใช้งานยาวนาน ดังนั้นห้องซักรีดในโรงแรมควรดูแลรักษาผ้าปูที่นอนให้ดี แม้ว่าจะซักผ้าปูที่นอนตามปกติก็ตาม เพื่อยืดอายุการใช้งานของผ้าปูที่นอนให้เร็วที่สุดและลดอัตราความเสียหายของผ้าปูที่นอน
หากใช้ผ้าปูที่นอนเป็นเวลานาน ผ้าปูที่นอนอาจได้รับความเสียหายอย่างมาก และหากใช้ผ้าปูที่นอนที่เสียหายต่อไป จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพการบริการของโรงแรม
เงื่อนไขความเสียหายที่เฉพาะเจาะจงของผ้าลินินมีดังต่อไปนี้:
ฝ้าย:
รูเล็กๆ ขอบและมุมฉีกขาด ชายผ้าหลุด บางและฉีกง่าย สีซีด และความนุ่มของผ้าขนหนูลดลง
ผ้าผสม:
การเปลี่ยนสี ชิ้นส่วนผ้าฝ้ายหลุดลอก การสูญเสียความยืดหยุ่น ขอบและมุมฉีกขาด ชายเสื้อหลุดลอก

เมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ควรพิจารณาสาเหตุและเปลี่ยนผ้าทันที
● โดยทั่วไปจำนวนครั้งในการซักผ้าฝ้ายจะอยู่ที่ประมาณ:
❑ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าฝ้าย 130~150 ครั้ง;
❑ ผ้าผสม(โพลีเอสเตอร์ 65%, ผ้าฝ้าย 35%) 180~220 ครั้ง;
❑ ผ้าเช็ดตัว 100~110 ครั้ง;
❑ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดปาก 120~130 ครั้ง.
โรงแรม
ผ้าปูที่นอนของโรงแรมมีอายุการใช้งานนานเกินไป หรือหลังจากซักหลายครั้ง สีของผ้าปูที่นอนจะเปลี่ยนไป ดูเก่า หรืออาจถึงขั้นชำรุดได้ ส่งผลให้ผ้าปูที่นอนที่เพิ่มมาใหม่และผ้าปูที่นอนเก่ามีสี รูปลักษณ์ และสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับผ้าปูที่นอนประเภทนี้ โรงแรมควรเปลี่ยนให้ทันเวลา เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้บริการอีกต่อไป และไม่ควรยึดติดอยู่กับมัน มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพบริการ ส่งผลให้ผลประโยชน์ของโรงแรมเสียหายไป
โรงงานซักรีด
นอกจากนี้โรงงานซักรีดยังต้องเตือนลูกค้าของโรงแรมว่าผ้าปูที่นอนใกล้จะหมดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้โรงแรมมอบประสบการณ์การเข้าพักที่ดีให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้น ยังช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายของผ้าปูที่นอนที่เกิดจากอายุของผ้าปูที่นอนและหลีกเลี่ยงข้อพิพาทกับลูกค้าของโรงแรมอีกด้วย
เวลาโพสต์: 23 ต.ค. 2567